วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

โอกาสดีดี กับงานเทิดมารีย์รำลึก


               ช่วงนี้ถ้ามีคนเข้าใจผิด คิดว่าฉันเป็นนางสาวไทยก็คงไม่น่าแปลกใจนักกับการปฏิบัติหน้าที่เยี่ยมเยียนเพื่อน กลุ่มชมรมคาทอลิกตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่างกันตรงที่หากเป็นนางสาวไทย เค้าคงปฏิบัติเพราะมันเป็นหน้าที่ แต่สิ่งที่ฉันทำตอนนี้ ฉันทำมันด้วยความรัก
เงือกน้อยลอยไปลอยมา ~~~
                การไปเยี่ยม หรือไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มชมรมตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นับเป็นเป้าหมาย หรือภารกิจหลักของพวกเรา “กรรมการศูนย์ประสานงานนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย" ในปีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าพวกเราให้ความสำคัญในการดูแลลูกแกะของพระเจ้า นั่นก็คือการอยู่เคียงข้างเพื่อนๆนักศึกษาคาทอลิกในประเทศไทยนั่นเอง นอกจากจะไปเพื่อร่วมกิจกรรมแล้ว การไปเยี่ยมกลุ่มชมรมแต่ละครั้ง ทำให้เราได้พูดคุย ได้ปรึกษา หรือให้กำลังใจกันและกันในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อสานต่อภารกิจ แบกกางเขนที่พระองค์ทรงมอบไว้ให้กับพวกเราอย่างสุดความสามารถ
กำลังหลักของชมรม
ของขวัญหลังจบงาน
                และในโอกาสล่าสุดกับงานครบรอบ 33 ปี เทิดมารีย์รำลึก ที่ผ่านมา เป็นความประทับใจอีกครั้งหนึ่งในการออกเยี่ยมชมรมเลยก็ว่าได้ งานนี้คืออะไร ? งานนี้คืองานครบรอบ 33 ปี ของชมรมคาทอลิก มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งมีงานเลี้ยงสังสรรค์ รวมรุ่นของบรรดาพี่ๆ ศิษย์เก่า แต่ไม่ใช่เพียงแค่ได้สนุกสนานร่วมกันเท่านั้น แต่ในช่วงเช้า มีกิจกรรมที่ศิษย์ปัจจุบัน น้องๆ ในชมรม ได้ไปจัดกิจกรรมให้กับน้องๆ เด็กกำพร้าที่บ้านลอเรนโซ่ โดยได้รับเงินสนับสนุนจากการขายเสื้อชมรม ซึ่งสมาชิกในชมรมเสียสละกำลังกายมาสกรีนเสื้อกันเองเลยทีเดียว และมีผู้ใหญ่ใจดี อุดหนุน สนับสนุน โครงการนี้พอสมควร  กิจกรรมที่ไปจัดให้กับน้องๆ คือการสอนน้องๆปั้นลูกชุบ เหมือนง่าย... แต่จริงๆแล้ว กรรมการต้องมีการเตรียมตัว ลองทำ ลองปั้น และเตรียมอุปกรณ์กันไปเป็นอย่างดี จากการดูความสนใจของน้องๆ ในการร่วมกิจกรรมแล้ว... คนที่ซิสเตอร์ว่าแสบที่สุด ยังนั่งนิ่ง ระบายสีถั่วกวนได้อย่างตั้งใจ กิจกรรมนี้จึงถือได้ว่าผ่านฉลุย !
ลงทะเบียนแบ่งกลุ่มให้ดูแลน้องๆ
ตั้งใจกันมาก ทั้งพี่ ทั้งน้อง
ซิสเตอร์ผู้ดูแลน้องๆ ที่บ้าน
ขะมักเขม้ันกันสุดๆ
นิ้วหนูอยู่ไหน?
น่ากินมั้ยคะ?
                ตกบ่าย ก็เตรียมงานสำหรับมิสซาฉลองวันเกิดแม่พระและงาน 33 ปี ราตรีสีฟ้า-ขาว ถึงฉันจะไม่ได้เป็นสมาชิกชมรม ไม่ได้เป็นศิษย์เก่า หรือไม่ได้มีความผูกพันธ์กับที่นี่ก่อนหน้านี้มากมายเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศในงานนี้ ทำให้รู้สึกอบอุ่น เหมือนบ้าน เหมือนครอบครัว เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ด้วย บอกได้สั้นๆ คำเดียวว่า ประทับใจมาก อาจเป็นเพราะเพื่อนๆ น้องๆ ในชมรม ที่ต้อนรับ และดูแลเราเป็นอย่างดี ทำเอาไม่อยากกลับกรุงเทพกันเลยทีเดียว 

กิจการทั้งหลาย ขอถวายเป็นบูชา...
รวมทีม ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องจ้า
เบื้องหลังการถ่ายทำ
                และสุดท้ายกับมิสซาวันอาทิตย์ ที่วัดแม่พระเมืองลูร์ด บางแสน หลังจากเคยตั้งใจไว้ว่า อาทิตย์ไหนว่างๆ จะแวะมาเข้ามิสซาที่นี่บ้าง อาทิตย์นี้โอกาสดีจึงได้อยู่เนียนเข้ามิสซาที่นี่กับเพื่อนๆ ในชมรมไปด้วยเลย แถมยังได้เป็นผู้อ่านจำเป็นซะอีกนี่ ตื่นเต้น... แต่ก็ผ่านไปได้อย่างดี
ชุดน่ารักอ้ะ :)
ขอบคุณเพื่อนชมรมม.บูรพาที่ชวนเราไปร่วมงาน ชวนแค่เป็นมารยาทหรือเปล่าไม่รู้ แต่ปิตุพรไปจริงค่ะ !
ขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ทำให้เราได้รู้จักเทิดมารีย์มากขึ้น ได้เห็นบรรยากาศความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่น้องกันในชมรม แล้วรู้สึกดีมากจริงๆ งานนี้ทำให้ได้รู้ว่าชมรมนี้เค้าได้ทำทุกอย่าง
ขอบคุณน้องๆ บ้านลอเรนโซ่ ที่ทำให้พี่ๆ เห็นพระเจ้าที่ประทับอยู่ในชีวิตของพวกหนูทุกคน
และสุดท้ายขอบคุณพระเจ้า สำหรับช่วงเวลาอันแสนพิเศษนี้ ไปอยู่กับชมรมนี้มาแค่ 2 วัน เผลอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กมอบูไปล่ะ :P
ส่งท้ายกับบทเพลงขอบคุณซึ้งๆ จากน้องๆ บ้านลอเรนโซ่
"รู้หรือเปล่าว่าชีวิตของเธอมีค่า เธอมีความหมายกับฉัน 
ทุกวันที่ผ่าน ที่เรารู้จัก ฉันดีใจที่เราได้พบกัน 
แม้ใครๆ เกือบมองไม่เห็นความพิเศษ เหมือนในใจฉันได้เห็น 
หัวใจของเธอ งดงามยิ่งใหญ่ ฉันได้เห็นคุณค่าในเธอ

**เพราะพระเจ้าสร้างเธอขึ้นมา ให้เธอเป็นพระพรกับฉัน 
ฉันเฝ้าขอบพระคุณ พระองค์ทุกวัน ที่ให้ฉันและเธอมาพบกัน 
ขออวยพรเพื่อคนที่แสนจะพิเศษและมีความหมายกับฉัน 
ฉันทูลพระองค์ทุกวัน อ้อนวอนทุกวัน ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองเธอ"

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"รักรีฟิล" ณ ค่ายเคียงข้าง...?


                เชื่อว่าหลายคน หลังจบกิจกรรม จบค่ายต่างๆไป คงมีความตั้งใจดี จะทำสิ่งต่างๆ มากมายแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความตั้งใจดีเหล่านี้กลับค่อยๆ เจือจางลงไปตามกาลเวลา การมาค่าย... บางคนอาจจะคิดว่า มาทำไม? พอจบค่ายไปก็ลืมว่าอยากทำอะไร ก็ไม่ได้ทำความตั้งใจของตัวเองอยู่ดี แต่ยังมีอีกหลายคนที่คิดว่า มาค่าย... เพื่อมาย้ำเตือนมโนธรรมของตัวเอง มาเติมพลัง เติมกำลังใจ เติมความตั้งใจดี และเติมรักให้กับชีวิต
ซองใส่ใจ
ภาวนาเช้า
เรียนรู้ที่จะใช้หัวใจรับฟัง
ปิดตา ฟังเสียง ด้วยหัวใจ
แอบมาใส่ใจ
อ.วิริยะ วิทยากรของเรา
ไอโฟน โทรศัพท์สำหรับทุกคน แม้กระทั่งคนพิการ
           เชื่อว่า “ค่ายเคียงข้าง...?” คงเป็นหนึ่งในหลายๆค่าย ที่เมื่อจบค่ายไป เพื่อนๆที่มาร่วมค่าย คงเกิดความตั้งใจต่างๆมากมาย มีความรู้สึกอยากเคียงข้างผู้อื่นมากขึ้น โดยอาจจะอยากกลับไปใส่ใจครอบครัวมากขึ้น อยากเป็นเพื่อนผู้รับฟังที่ดีของเพื่อนๆ อยากเป็นจิตอาสาทำงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรืออยากสนิทสัมพันธ์กับพระมากขึ้น พูดได้ง่าย แต่ความจริงนั้นทำได้ไม่ง่ายเลย แต่จะทำได้หรือไม่ได้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ขอแค่เรามีความตั้งใจดี เชื่อว่า เราคงขอร้องตัวเองให้ทำความตั้งใจดีนี้ให้เป็นจริงได้ในสักวันหนึ่ง
               
เผยโฉมหน้าผู้วาดแล้ว
เคียงข้าง
รมควัน
ซิสเตอร์และอาสาสมัคร ณ บ้านแห่งความหวัง
หัวหน้าแก๊งค์เด็ก
เตรียมผลไม้ให้น้องๆ
เป็นที่รักของน้องๆ
คนไหนน้อง คนไหนนักศึกษา แยกออกมั้ย
              นอกจากธีม เคียงข้างเพื่อน เคียงข้างพระ เคียงข้างสังคม ที่ได้จากค่ายนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากค่ายนี้ในฐานะผู้จัด คือ เราได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ ถามว่าค่ายนี้ดีที่สุดตั้งแต่ที่จัดมาเลยมั้ย? ตอบได้ไม่ชัดเจนนัก แต่เป็นค่ายแรกในบทบาทประธานศูนย์ประสานงานนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ที่ได้ทำงาน ได้รับผิดชอบอย่างเต็มตัว ขอบคุณกรรมการทุกคน ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เตรียมงานค่ายอย่างดี (ทีมดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ฮ่า) ถึงแม้สมาชิกมาร่วมค่ายจะน้อย(มาก) ทำให้กรรมการบางคนเสียกำลังใจไปบ้าง (ก็ให้กำลังใจกันไป) แต่สุดท้าย เมื่อค่ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว คนเยอะ คนน้อย ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือ เราจะทำให้เพื่อนที่ตั้งใจมาค่ายกับเรา ได้รับอะไรกลับไปบ้างหลังจบค่าย

นักดนตรีประจำค่ายเรา
เมนูเด็ดประจำค่าย
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอบคุณนะ
นำ reflection
แบ่งปัน
ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
                ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาทำให้ค่ายนี้เป็น “ค่ายเคียงข้าง...?”
                ขอบคุณจิตตาธิการและกรรมการทุกคน ที่เคียงข้างกันตลอดมา (และหวังว่าจะตลอดไป ^o^)
                สุดท้าย ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ค่ายดีๆ นี้เกิดขึ้น และผ่านพ้นไปอย่างดี

เทิดมารีย์ ม.บูรพา
ใครหล่อสุดในรูป
เคียงข้างเสมอ

[กลอน]

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

Christmas Carols 2011 ช่วงเวลาสั้นๆ อันแสนสุข

            คุณเคยคิดมั้ยว่า อะไรคือสิ่งที่คุณไม่กล้าทำ เพราะคุณกลัวทำมันไม่ได้??
แล้วถ้าคุณไม่มีความสามารถ ไม่มีความรู้ ในเรื่องที่คุณต้องทำ! คุณจะทำยังไง?
สิ่งนั้นสำหรับคุณ.. คืออะไร? และคุณจะทำยังไงกับมัน?


สำหรับฉันแล้ว สิ่งนั้นมีเพียงสิ่งเดียวในเวลานี้คือ “การซ้อมร้องเพลงประสานเสียงวันคริสต์มาส” ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดของชมรมคาทอลิก จุฬาฯ เลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ฉันเข้าปีหนึ่งมา ฉันร่วมกิจกรรมกับชมรมตลอดเท่าที่สามารถ ไม่ว่าจะเป็นมิสซา ไปทริป แสวงบุญ เข้าเงียบ หรือแม้แต่ ร้องเพลงประสานเสียงวันคริสต์มาส ในฐานะผู้เข้าร่วม ฉันชื่นชมในตัวพี่ๆทุกคนมาก ที่จัดกิจกรรมทุกอย่างออกมาได้อย่างดี ดีมากๆ และไม่เคยคิดว่าวันนึง ตัวเองจะต้องอยู่ในฐานะผู้จัดกิจกรรม...
ความรู้สึกแรกหลังจากรู้ว่า ปีนี้เราจะต้องเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนงานของพระผ่านทางชมรมคาทอลิก จุฬาฯ ต่อไป ยอมรับว่ากังวลมาก แต่ก็ยังมีความรู้สึกท้าทายซ่อนอยู่... ซ่อนอยู่ลึก ลึกจนโดนความกลัวบดบังซะมิด
“มิสซาน่าจะจัดได้ เข้าเงียบก็น่าจะโอเค แล้วร้องเพลงล่ะ? อะไรยังไง? ใครจะซ้อม? ใครจะเล่นเปียโน? ใครจะเป็นคอนดัคเตอร์?” หลายความคิด หลากความกังวล ประดังเข้ามาอย่างมากมาย... และเมื่อถึงเวลานั้นๆจริงๆ

“ทราย... เดี๋ยวเราไปซ้อมที่บ้านพี่ตังเมกันเนอะ ช่วงที่ยังปิดเทอมหนีน้ำท่วมอยู่ พี่เค้าอนุญาต”
“พี่อุ้ยมาช่วยเล่นเปียโน ตอนซ้อมให้ได้แหละ”
“พี่ปิ๊นลางานวันอาทิตย์ได้ ติดต่อให้พี่เค้าเป็นคอนดัคเตอร์ให้ดีมั้ย”
“น้องฝน น้องแป้ง พี่แป้ง พอเล่นเปียโนได้ แบ่งกันไปเล่นคนละเพลงสองเพลงมั้ย อ้าวน้องธีมก็เล่นได้ด้วย เจ๋งๆ”
“ปีนี้ น้องปีหนึ่งมาร้องเพลงกับเราเยอะมากเลย ดีใจอ่ะ ^^
“เดี๋ยวน้องคนนั้นมาซ้อมวันนั้น เดี๋ยวน้องคนนี้มาซ้อมวันนี้ มากันเยอะๆ ไม่ต้องห่วง”

สาว สาว สาว
ตั้งใจซ้อมกันมากมาก
หิวข้าวกันรึยังจ้ะ
เดอะ แก๊งค์ ของพวกเรา ชาวคาทอลิก จุฬาฯ
น่ารักทั้งนักร้อง ทั้งตุ๊กตาเลย
หนุ่มๆ เสียงทรงพลัง
^________^
นี่เป็นส่วนหนึ่งของหลายเหตุการณ์ หลายความรู้สึก ในช่วงเวลาของการซ้อม อาจจะมีหลายครั้งที่รู้สึกว่า เราทำไม่ได้หรอก สิ่งนี้มันเกินความสามารถของเรา  แต่ทุกๆครั้งที่เกิดความรู้สึกนี้ จะมีเสียงนึงดังขึ้นในใจมาตอบตลอดว่า “ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้ากระทำมิได้” ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ทุกกิจกรรมสำหรับการร้องเพลงคริสต์มาสปีนี้ แม้บางเรื่อง บางมุมมอง ของบางคน อาจคิดว่ามันยังไม่ดี ยังมีข้อบกพร่องนู่นนั่นนี่ต่างๆมากมาย แต่สำหรับเราแล้ว การร้องเพลงคริสต์มาสของชมรมในปีนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุด พิเศษที่สุด และเป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่ดีที่สุดของเรา นั่นคงเป็นเพราะ เราได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว... สุดๆความสามารถของเราแล้ว.... และมันก็ผ่านไปแล้ว... ผ่านไปอย่างดีด้วย ซึ่งสิ่งนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากเราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า ดังคำกล่าวที่ว่า “Without God we can do nothing”
นอกจากความสุขที่ได้จากเสียงเพลงในคริสต์มาสปีนี้แล้ว ฉันคิดว่าความสุขส่วนใหญ่ที่ได้ อยู่ที่ตัวบุคคลด้วย คริสต์มาสปีนี้ ทำให้ได้รู้จักกันน้องๆชมรมเพิ่มมากขึ้น บางคนที่ไม่เคยมาร่วมมิสซาเลย ก็ได้รู้จักกันเป็นพิเศษในช่วงนี้ สำหรับคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว ก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นไปอีก เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว “คาทอลิก จุฬาฯ” อย่างเต็มที่ ซ้อมร้องเพลงด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ สุขถึงขั้นที่ยอมนั่งรถตู้ฝ่าน้ำท่วมมา 3 ชม. เพื่อซ้อมร้องเพลง 3 ชม. และนั่งกลับนครปฐมอีก 3 ชม.นี่แหละ บางคนว่าบ้า บางคนว่าเกินไป แต่ฉันว่า “คุ้ม” เวลาที่เสียไป กับความสุขที่ได้รับมา มันคุ้มจริงๆนะ
กว่าจะผ่านงานนี้ไปได้ เราต้องขอบคุณพระเจ้ากันไปหลายรอบ อย่างน้อยก็ในทุกวันที่การซ้อมร้องเพลงผ่านไปอย่างดี ปิดงานนี้ด้วยการขอบคุณอีกสักรอบล่ะกัน


ณ ห้องชมรม
เทรนกันอย่างใกล้ชิด
ถ้าน้องจะอยากซ้อมร้องเพลงขนาดนี้ 555
พี่นุ๊กก็มาช่วย
ร้องยังไงนะ?
เดอะแก๊งค์เทนเนอร์และโซปราโน
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
อัลโตซ้อมหนัก
ร้องเพลงหรือหาว~
สาวๆ โซปราโน
หนุ่มๆ เทนเนอร์
ไหวมั้ยบอสสสส 555
ขอบคุณน้องๆทุกคน ที่มาซ้อมร้องเพลงกันด้วยหัวใจ ถ้าพี่ตามบ่อย ตามกันได้ทุกวี่ทุกวัน ก็อย่าเพิ่งโกรธเคือง อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยนะ อยากให้พวกเรามีช่วงเวลาคริสต์มาสดีๆร่วมกัน ถ้าไม่มีน้องๆ เสียงเพลงคริสต์มาสคงไม่ร่าเริง สดใส อย่างนี้
ขอบคุณพี่ๆทุกคน ที่ยังคงแวะเวียนมาให้กำลังใจ แถมด้วยกำลังกายกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสียงเพลงคริสต์มาสปีนี้รู้สึกอบอุ่นกว่าที่เคย
ขอบคุณเพื่อนๆ จากสถาบันอื่น ที่มาช่วยสร้่างสีสัน ทั้งเสียงเพลงอันไพเราะ และสร้างความสนุกสนานให้กับพวกเราได้มาก ถึงจะต่างสถาบันกัน แต่เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันได้เหมือนกันนะ 
ขอบคุณคุณพ่อที่วัดพระมหาไถ่ ที่ให้โอกาสพวกเราได้ทำประโยชน์ ได้ทำกิจกรรมดีๆร่วมกัน อีกทั้งยังสนับสนุนพวกเราอย่างเต็มที่ ทำให้เพลงคริสต์มาสปีนี้ แฝงไปด้วยความคึกคัก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่อยากทำสิ่งอื่นๆต่อไป
ขอบคุณพี่ตังเมและครอบครัว ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ซ้อมให้กับพวกเรา ตั้งแต่ปิดเทอมจนถึงเปิดเทอม ขอบคุณที่ดูแลพวกเราอย่างดีเหมือนเป็นน้องแท้ๆคนหนึ่ง ให้เราได้ซ้อมในสถานที่ที่สะดวกสบาย เปรียบเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของพวกเรา
ขอบคุณบ้านเซเวียร์ ที่ให้พวกเราได้เตรียมเข้าสู่บรรยากาศคริสต์มาสก่อนใครเพื่อน และขอบคุณสำหรับหมวกซานตาครอสสวยๆ สำหรับนักขับร้องฝึกหัดอย่างพวกเรา
ขอบคุณร้านเจ๊เกียง เจ๊กบ เจ๊กี และอีกหลายๆเจ๊ ที่ให้พวกเราได้เติมพลังกายหลังซ้อมร้องเพลง และทำให้พวกเราได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น ผ่านทางช่วงเวลาของการรับประทานอาหารนี้
และที่สุด... ขอบคุณพระเป็นเจ้า สำหรับช่วงเวลาดีๆ ที่ได้ประทานให้แก่พวกลูก ให้ได้ทำกิจกรรมดีๆร่วมกัน ได้ซ้อมร้องเพลงเพื่อสรรเสริญพระองค์ ได้รู้จักแบ่งปัน และได้รู้จัก “รัก” ขอบคุณสำหรับพระพรต่างๆ อย่างมากมายที่ประทานให้กับชมรมของพวกเราเสมอมา จนทำให้กิจกรรมครั้งนี้ผ่านไปได้อย่างดี

ปิดท้ายคริสต์มาสปีนี้ด้วยสิ่งนี้...
ซ้อมใหญ่
สถานที่จริง นักร้องตัวจริง
ตั้งใจกันสุดชีวิต
:))
ฮู้ววว ฮูวววว
จะมีใครสักคนตื่นเฝ้ารอคอยชื่นชม จุดไฟในกมลตื่นเฝ้ารอ...
ระหว่างพัก ก็รั่วกันไป
^_____^
อลังการณ์มากกับงานนี้
ลองเครื่องเสียงด้วยๆ
หน้าตาเริ่มหมดแรง
^^
ช่วงรอก่อนร้องเพลงจริง
ถ่ายรูปกันเพลิน
ประธานชมรม ปีนี้.. ปีหน้า.. และปีโน้น 555
บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต
พร้อมหน้า พร้อมตา
เดอะแก๊งค์
สุขสันต์วันคริสต์มาส
ตั้งใจกันสุดสุด
แล้วพบกันใหม่ คริสต์มาสปีหน้าน้าาาา~


                ติดตามภาพกิจกรรม หรือข่าวสารของชมรมได้ใน www.facebook.com/catholicchula

               และติดตามบรรยากาศการร้องเพลงของพวกเราในปีนี้ได้เลยจ้า ^^