วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เข้าเงียบ.... ของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต


ปิดเทอมใหญ่แบบไม่ได้ตั้งใจปีนี้ ได้มีโอกาสเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติจิต หรือเข้าเงียบแบบเงียบจริงๆจังๆที่ทางบ้านเซเวียร์จัดขึ้น นำโดยคุณพ่อมหาร์โซโน โปรโบ, เอส.เจ. เป็นผู้ช่วยในการฝึกปฏิบัติจิตของพวกเรา ในการเข้าเงียบครั้งนี้ ใช้เวลา 5 วันก่อนเปิดเทอมของจุฬาฯพอดี ที่บ้านดอยเรยีนา บนดอยสุเทพ เชียงใหม่ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้อะไรๆมันลงตัว จนทำให้หนูสามารถไปเข้าเงียบได้อย่างดีโดยไม่ต้องโดดเรียนไป (เพราะกำหนดการนี้เป็นกำหนดการในช่วงเปิดเทอมปกติพอดี) วันแรกของการออกเดินทาง พวกทั้งเกือบ 10 ชีวิต ก็คุยเล่นกันสนุกสนาน เสมือนไปค่ายปกติ แต่มันก็ไม่ปกติทันทีเมื่อไปถึงบ้านพัก เพราะการมาของพวกเราครั้งนี้ไม่ใช่การเข้าค่าย แต่เป็นการเข้าเงียบต่างหาก
เชียงใหม่ยังไ่ม่หลับ~
แรกๆยังไม่ชินกับการเข้าเงียบแบบนี้ เหมือนเป็นเข้าเงียบส่วนตัว... ปกติเข้าค่ายเรามาพบเพื่อนใหม่ มารู้จักเพื่อนใหม่ แต่ครั้งนี้เรามาพบตัวเอง เรามารู้จักพระเยซูเพิ่มมากขึ้น ตลอด 3-4 วันของการเข้าเงียบ เรากินข้าวเงียบๆคนเดียว (แม้จะมีเพื่อนๆนั่งอยู่ข้างๆ) ล้างจานคนเดียว มีช่วงเวลาที่ไปพบคุณพ่อเพื่อพูดคุย และรับข้อฝึกใหม่ๆ ซึ่งแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของแต่ละคน
อยู่เงียบๆ กับเหล่าดอกไม้พวกนี้
มีข้อฝึกหนึ่งที่อยากจะนำมาแบ่งปัน.... คุณพ่อได้ให้ผ้ามาผืนนึง แล้วก็ให้เรานำไปเช็ดทำความสะอาดห้อง และหลังจากเช็ดเสร็จแล้ว ให้นำมาภาวนากับไม้กางเขนในห้องนอนของตน มองกางเขน มองผ้า มองตัวเอง.... แล้วสวด รำพึง .... ทำแบบนี้ครั้งแรกแล้วไปคุยกับคุณพ่อ คิดว่ามันไม่เวิร์ค เพราะไม่ได้รู้สึกอะไรขึ้นมาเหมือนตอนอ่านพระคัมภีร์แล้วนำมารำพึง ลองใหม่ครั้งที่สอง.... คราวนี้ได้อะไรเตือนใจกลับมาเยอะ ผ้าขาวที่ได้มา สะอาด แต่ก็ยอมเปื้อน (ไม่รู้ผ้าเค้าจะเต็มใจเปื้อนหรือเปล่า) แต่ที่สุดผ้าก็เปื้อนเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด มองกางเขน พระเยซูยอมสละชีวิต เพื่อไถ่บาปเรา เพื่อให้มนุษย์สะอาด แต่ตัวเราเองล่ะ.... ยอมเสียสละบางสิ่ง เพื่อคนอื่นได้บ้างหรือเปล่า? คำตอบในตอนนี้คือเคยพยายาม แต่ยังทำไม่ได้... หลังรำพึงเสร็จ ตั้งใจไว้แล้วว่า จะมีพระเยซูเป็นไอดอล จะทำตัวเหมือนผ้าขี้ริ้ว ไม่บ่น ไม่เกี่ยง ยอมสกปรก เพื่อให้สิ่งอื่นสะอาดขึ้นมา ทั้งนี้โดยอาศัยพระพรของพระเจ้าช่วยให้ลูกนอบน้อม และยอมเสียสละได้อย่างเต็มใจ ^^
อีกข้อฝึกหนึ่งที่มาพร้อมๆกับผ้าผืนนั้น คือ อ่าน รำพึงพระคัมภีร์ มีที่เตือนใจ สะดุดใจหลายบท แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นส่วนหนึ่งของ ฟิลิปปี 2 : 1-11 อย่ากระทำการใดเพื่อชิงดีหรือเพื่อโอ้อวด แต่จงถ่อมตนคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จงเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นด้วย พระวาจาประโยคนี้จะคอยเตือนใจเสมอ จะเอาคำว่า เห็นแก่ตัว จองหอง อวดดี ออกไปจากชีวิตให้ได้


นอบน้อม ถ่อมตัว...
การมาเข้าเงียบครั้งนี้ทำให้รู้จักตัวเองดีขึ้น รู้จักพระเยซูมากยิ่งขึ้น ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พระมอบให้ในปีนี้ หลังจบมิสซาปิดการฝึกปฏิบัติจิต ก็มีตามมาด้วยเพลง Happy Birthday ตอนก่อนมาเข้าเงียบนึกว่าปีนี้จะเกิดเงียบๆซะแล้ว อยู่บนดอย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีเฟสบุ๊ค คงไม่มีใครจำได้ แต่ผิดคาด.... ^^ ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ


ถ้ำแม่พระ
ปิดท้ายด้วยการมาเดินตลาดในเชียงใหม่ ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันไป คุณพ่อเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำปิง และจบท้ายด้วย ถนนคนเดิน ซึ่งเคยเฝ้าใฝ่ฝันว่าจะมาช่วงปิดเทอมให้ได้ แต่ก็ต้องล้มเลิกไปก่อนด้วยเหตุผลนานาประการ คืนนี้คุณพ่อทำให้ฝันเป็นจริงฉลองวันเกิดกันเลยทีเดียว ก่อนขึ้นไปพักที่บ้านดอยเรยีนาอีกคืน และเดินทางกลับสู่โลกความเป็นจริง ทีฉันตั้งใจจะนำพระวาจาของพระองค์มาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตในเช้าวันรุ่งขึ้น....


ถนนคนเดิน คืนวันที่ 11 ธันวา
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ได้ประทานให้แก่ลูกในวันเกิดปีนี้
ขอบคุณของขวัญวันเกิดอันล้ำค่า ทั้งการเข้าเงียบ การได้ไปเชียงใหม่ และคำอวยพรจากทุกคน
ขอบคุณผู้ร่วมชีวิตอีกเกือบ 10 ท่านที่ได้ไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันในการรู้จักพระเยซูมากยิ่งขึ้น และขอบคุณคุณพ่อมหาร์เป็นพิเศษ
ขอบคุณแม่ ขอบคุณป๊า ขอบคุณพระที่ทำให้ลูกได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตเลียนแบบพระองค์บนโลกที่แสนวุ่นวายใบนี้
ขอบคุณเชียงใหม่ ที่หนาวมากกกกก ในช่วงที่เราไปเข้าเงียบพอดี
ฉันรักเธอ เชียงใหม่ แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าน้า ^^

มุมจากในห้องพัก
มุมศักดิ์สิทธิ์
วันทามารีย์








Happy Birthday to Saiy :)









อุปกรณ์ประกอบการไตร่ตรอง












วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หนึ่งในราชินีฯ


“อยากบอกว่า วันนี้ครูมีความสุขมาก และมีกำลังใจจะทำงานแนะแนวเพื่อเด็กราชินีฯต่อไป เห็นลูกราชินีฯทั้งอดีตและปัจจุบัน คุยกันอย่างมีความสุข (ความรู้สึกเหมือนลูกสาวสองคนกำลังปรึกษากันเรื่องจะเรียนต่ออะไรดี) อยากให้ใครๆ (ทุกๆคนในโลกนี้) เห็นภาพบรรยายกาศวันนี้ มีความหมายมากกว่าคำบรรยายใดๆ เป็นครูมา 30 ปีวันนี้เป็นวันที่ประทับใจมาก พี่ๆทุกคนทำให้ครูรู้สึกว่าหนูทำเพื่อ "ราชินีบูรณะ" โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน กิจกรรมนี้คิดวางแผนและดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 4 วัน มีรุ่นพี่ร่วมงาน 50 คน มากเกินคำบรรยายใดๆ อยากให้น้องๆจำภาพบรรยายกาศวันนี้ และสานต่อไปอีกนะ ...ไม่มีสิ่งใดที่ลูกราชินีฯทำไม่ได้.....เป็นหนึ่งใน status ในเฟสบุ๊คของ ครูจันทร์เพ็ญ  ฐิติเวท คุณครูฝ่ายแนะแนวโรงเรียนราชินีบูรณะ
เพิ่งได้รู้ชื่อโครงการจริงๆ ก่อนวันงาน 3 วัน โครงการนี้ชื่อว่า “โครงการพี่ชวนน้องเข้ามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 1หรือเรียกกันติดปากว่าไปแนะแนวน้องๆ  รู้ข่าวว่าอาจารย์อยากจะให้ช่วยจัดงานนี้ให้น้องๆ ก่อนวันงานจริงประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนแรกที่รู้ว่าจะมีงานก็งง ลังเล และไม่มั่นใจ ว่าจะแนะแนวน้องๆอย่างไรเพื่อให้น้องๆได้อะไรกลับไป และไม่เบื่อ อีกทั้งยังมีเวลาถึง 1 วันเต็ม! ก่อนหน้านี้ก็กลับไปเยี่ยมอาจารย์บ้าง พูดแนะแนวน้องๆบ้าง แต่ก็ไม่เคยเกิน 1 ชม.สักครั้ง พอได้รับมอบหมาย มีเวลาให้จัดได้ 1 วันเต็มๆ ก็ถือเป็นการบ้านชิ้นใหญ่สำหรับไหม สร้อย และเราพอสมควร
ประชุมงาน เตรียมงานกัน 1 วันเต็มๆ มอบหมายแบ่งหน้าที่ให้น้องๆปี 1 กันไปบ้าง พูดกิจกรรมให้น้องๆสต๊าฟที่จะมาช่วยงานให้รู้คร่าวๆ แล้ววันงานจริงก็มาถึง....
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ(เตรียมตัวก่อนเทศกาลคริสต์มาส) แต่วันเสาร์ก็มีภารกิจที่จะต้องไปซ้อมร้องเพลงคริสต์มาสที่กรุงเทพทั้งวัน กลับมาถึงบ้านก็ดึกดื่น ไปวัดคืนวันเสาร์ไม่ทัน อาทิตย์นี้จึงจำเป็นต้องขาดวัดไปโดยมีเหตุผลมาอ้าง.... ยอมรับ ตอนแรกลังเลว่าจะไปวัดก่อน แล้วค่อยมางานที่โรงเรียนดีมั้ย? แต่ด้วยความไม่อยากทิ้งงาน ไม่อยากทิ้งเพื่อน จึงทำให้ตัดสินใจขาดวัด... ทำให้รู้สึกแย่พอสมควร แต่พี่คนนึงเค้าบอกเราว่า ในเมื่อเราตัดสินใจเลือกแล้ว สิ่งนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา  พระให้โอกาสเราเสมอ ^^ ทำให้คลายความกังวลและจัดกิจกรรมในวันนั้นได้อย่างเต็มที่
เราว่าเรานัดสต๊าฟเช้าแล้ว... มาเช้าแล้ว... แต่น้องๆมัธยมมาเช้ากว่าอีก... น้องๆดูตื่นเต้น และเชื่อว่าพี่ๆก็คงตื่นเต้นไม่แพ้น้องๆเหมือนกัน เริ่มต้นกิจกรรมแรกด้วย พูดคุยกับน้องๆ สร้างบรรยากาศความเป็นกันเองให้เกิดขึ้น คุ้นๆเหมือนบรรยากาศค่ายจุฬาฯ-นครปฐม กำลังจะกลับมาอีกครั้ง กับสถานที่เดิม และทีมงาน(เกือบ)จะชุดเดิม ตามด้วยพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ แนะนำสต๊าฟทีละมหาวิทยาลัย โดยมีร้องเพลง บูม หรือปณิธานของแต่ละมหาวิทยาลัย หวังจะเป็นแรงกระตุ้นน้องๆได้บ้าง จุฬาฯของเรา มากันไม่ถึง 10 ชีวิต แต่บูม BAKA กันแบบว่าทั้งห้องเงียบกริบ จบด้วยเสียงอื้ออึงและปรบมือ ขนาดเราบูมเองยังรู้สึกขนลุกเหมือนกันแหะ ต้องขอบคุณคนขึ้นบูมจริงๆ ต่อด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ของพี่ๆแต่ละมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการสอบตรง บรรยากาศของมหาวิทยาลัยของตน พี่ๆแต่ละคนก็โปรโมทสถาบันตัวเองกันเต็มที่... ส่วนสต๊าฟคนอื่นๆ ก็ประชุมงาน บรีฟงานช่วงบ่ายอีกรอบ และตามด้วย ซ้อมสันทนาการ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อไป ที่เรารับผิดชอบ มาซ้อมตอนนี้... ถามว่าทันมั้ย ตอนแรกไม่มั่นใจ แต่พอเอาเข้าจริง ยิ่งกว่าทัน น้องๆสนุกกันเกินคาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เราอยู่กัน” “สันวง” “oxford the musica หรือ “แจว”... ไม่น่าเชื่อว่าน้องจะให้ความร่วมมือ สนุกไปกับเรา และเต้นกันจนหมดแรงไปหลายราย ถึงจะเป็นสันทนาการเบาๆ เพียงครึ่งชั่วโมงสั้นๆ แต่ก็เชื่อว่าสร้างความประทับใจให้น้องๆหลายคนได้มากทีเดียว ถือเป็นการรับน้องก่อนรับจริงตอนเป็นเฟรชชี่ล่ะกันนะจ้ะหนูๆ :)
ช่วงบ่าย แบ่งพี่ๆออกเป็นแต่ละคณะ แล้วให้น้องๆเวียนกันมาหา มาพูดคุย ปรึกษากับพี่ๆในคณะที่สนใจ กำหนดให้น้องเข้าฟังได้ 4 คณะ แต่น้องบางคน ก็นั่งอยู่คณะเดียวไม่ไปไหนเลยตลอดบ่าย เห็นน้องคนนึงตอนนี้แล้วนึกถึงตัวเองสมัยเป็นเด็กน้อย มีเป้าหมายที่ชัดเจน มุ่งมั่น ตั้งใจ หาข้อมูล หาแรงบันดาลใจ พยายาม และเชื่อว่า น้องเค้าก็คงประสบความสำเร็จเหมือนกับเราในวันนี้แหละ ^^
ปิดท้ายกิจกรรมทั้งหมดด้วยพิธีปิด ตามด้วยเพลงมาร์ชราชินีบูรณะ ไม่ได้ร้องมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ก็ยังร้องไปพร้อมๆกับน้องๆได้อย่างเนียน~ และท้ายสุด เซอร์ไพรส์ทั้งน้องๆและพี่ๆสต๊าฟ ด้วยการผูกข้อมือบายศรี เรียบๆ ง่ายๆ ให้น้องๆหลับตา พี่ๆร้องเพลงฉันจะจำเธอไปในแบบนี้... แม้เป็นงานเล็กๆ แค่วันเดียว แต่ก็ทำให้น้องซึ้งได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน พี่ๆนั่งล้อมน้องเป็นวงกลม ผูกสายสิญจน์เส้นขาวบริสุทธิ์ไว้ที่ข้อมือของน้องแต่ละคน ตามด้วยคำอวยพร กำลังใจมากมาย ที่พี่ๆทุกคนฝากมันไว้กับน้องๆผ่านทางสายสิญจน์เส้นน้อย เป็นหนึ่งในไม่กี่งาน ที่ได้ผูกข้อมือให้น้องๆ แล้วอยู่เป็นคนท้ายๆของวง มีน้องๆทยอยเข้ามาให้ผูกข้อมือให้อย่างต่อเนื่อง ....
สุดท้ายที่อยากฝาก ขอให้น้องๆทุกคนโชดคี อดทน พยายาม อยากเข้าคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหน เรามีสิทธิ์จะฝันได้ แต่อย่าทำให้ฝันนั้นเป็นแค่ความฝัน ทำให้มันเป็นความจริงด้วย แล้วจะรู้ว่า ความฝันที่เป็นความจริง มันมีความสุขมากแค่ไหน และที่สำคัญ... อย่าลืมส่งต่อความรู้สึกดีๆที่เคยได้รับนี้ ให้กับน้องๆรุ่นต่อๆไปด้วยนะ ^^
ขอบคุณสำหรับวันดีๆ อีกหนึ่งวัน ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของน้องๆหลายคน ให้มีแรงบันดาลใจมากขึ้น ทำให้น้องๆหลายคนมุ่งมั่น ตั้งใจ อยากประสบความสำเร็จเหมือนพี่ๆมากขึ้น
ขอบคุณอ.จันทร์เพ็ญ ที่ให้โอกาสพวกเราได้จัดกิจกรรม ได้แบ่งปันสิ่งดีๆให้กับน้องๆ
ขอบคุณไหม สร้อย ที่เตรียมงานกันอย่างดี ถึงมันจะผิดบ้าง พลาดบ้าง แต่เค้าว่ามันโอเคมากๆแล้วล่ะ
ขอบคุณน้องๆเพื่อนๆสต๊าฟทุกคน จากหลากคณะ หลายมหาวิทยาลัย ที่เสียสละเวลามาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้กับน้องๆ “ราชินีบูรณะ” ของเรา
ขอบคุณสต๊าฟหนุ่มรับเชิญพิเศษ จากค่ายจุฬาฯ-นครปฐม มาสร้างสีสันให้กับงานวันนี้ได้มากทีเดียว เรียกเรตติ้งน้องๆไปได้เยอะเลยนะคะพี่ช้อป พี่ตรอง
และสุดท้าย ขอบคุณน้องๆทุกคน ที่มาร่วมกิจกรรมกันด้วยความตั้งใจ ทำให้กิจกรรมสนุก และประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ หวังว่าพี่ๆจะได้เจอกับน้องๆอีกทีในรั้วมหาวิทยาลัยที่ฝันนะ ^^
พิธีเปิด

ดอกไม่ใหญ่เท่าเดิม แต่มาสร้างความสนุกให้งานได้เหมือนเดิมสำหรับคนเนี้ย

นึกว่าควันหลงค่ายจุฬาฯ-นครปฐมซะอีก

สามสาววว ^^

เจอพี่ช้อปกินตับเข้าไป น้องๆถึงกับเครียด

ช่วงประชุมงาน เป็นเจ้อยู่ 2 คน 5555

คู่นี้เค้าเหมาะกันจริงๆ คริคริ



พี่แอ๋ม พี่ตั๋ง

เห็นกล้องไม่ได้นะค๊าาา

สวยๆ เริ่ดๆ

ยิ้มจนไม่ลืมตากันเลยทีเดียว

น้องๆให้ความร่วมมือดีมาก

สต๊าฟรับเชิญ ^^

เธอคนนี้ทำได้ทุกหน้าที่

อ.จันทร์เพ็ญ ผู้ริเริ่มความคิดโครงการนี้

สามสาว :P

CU-NP 5 เย้ยไม่ใช่!


แค่ถือไมค์ น้องก็กรี๊ดแล้ว

เห็นน้องแอร์แล้วนึกถึงตัวเองสมัยเด็กน้อย

ก่อนบายศรี

รั่ว!

2 สาวสหเวชฯ จุฬาฯ

แก๊งค์สต๊าฟปี 1

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับน้องๆ ^^

ขอบคุณสต๊าฟทุกคนจริงๆ
^______^
สถาบันการศึกษาน่านิยม อยู่ใกล้องค์พระปฐมเจดีย์ใหญ่
บรรดาศิษย์ราชินีควรดีใจ ที่ได้เป็น “หนึ่งในราชินีฯ”