วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ค่ายอาสาแสงธรรม ก้าวที่ 12

:: ขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี.. สำหรับ “ค่ายดีดี” ที่พระประทาน ::
            จะมีสักกี่คนที่ไม่ใช่คนของวิทยาลัยแสงธรรม แต่มีโอกาสได้ไปร่วมค่ายอาสาฯ ที่ทางแสงธรรมจัด นับเป็นความโชคดีจริงๆ การไปค่ายครั้งนี้ ถ้าไม่ขอบคุณพระเจ้าก็ไม่รู้จะขอบคุณอะไรแล้วเหมือนกัน
ขอบคุณพระ... ที่ทำให้แสงธรรมจัดค่ายในช่วงเวลาที่ทรายว่างพอดี แล้วก็ไม่ชนกับงานอื่นให้ลำบากใจในการปฎิเสธด้วย คริคริ
ขอบคุณพระ... ที่ดลใจแม่ ดลใจป๊า ทำให้ไม่ห้าม ไม่ขัด ในวาระแจ้งให้ทราบของทรายในครั้งนี้ (แจ้งให้ทราบว่าจะไปค่าย ไม่ได้ขออนุญาตว่าจะไปค่าย ฮาาาาาา) ถึงแม้ในค่ายจะมีแต่บรรดาบราเดอร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์... แต่ด้วยความไว้ใจ ว่าเราคงโตพอรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร จึงยอมให้ไปแต่โดยดี
ขอบคุณพระ... ที่ดลใจให้พ่อหน่อย อนุญาตให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทางแสงธรรมเท่าไหร่นัก มีโอกาสได้รับประสบการณ์ดีๆ ได้สัมผัสกับความรักของพระผ่านทางชาวค่ายและชาวบ้าน ในมุมมองใหม่ๆ ที่นักศึกษาธรรมดาน้อยคนนักจะได้สัมผัสมัน
ขอบคุณพระ... ที่ทำให้ทรายกล้าพอที่จะไปค่ายนี้ แม้ในใจจะอยากไปแค่ไหนก็ตาม แต่ก็มีความกังวลใจซ่อนอยู่ลึกๆ กลัวจะไม่มีเพื่อน กลัวเค้าจะคิดว่าเราเป็นคนนอก กลัวว่าจะอยู่จะกินไม่ได้ (อันนี้กลัวเป็นพิธีไปงั้นๆ เพราะกินง่าย อยู่ง่ายอยู่แล้ว) และที่กลัวที่สุด กลัวคนที่เรารู้จัก จะมีอคติ จะมองเราไม่ดี ค่ายอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องไปค่ายของแสงธรรม?? เป็นผู้หญิงไปค่ายของแสงธรรมมันเหมาะแล้วหรอ?? ขอบคุณที่ทำให้ทรายเอาชนะความกลัวเหล่านี้ได้ ^ ^

ค่ายดีดี ค่ายนี้ "แดนข้าวเหนียว เกี่ยวสัมพันธ์"
นักบุญองค์อุปถัมภ์ของวัดนี้
ณ วัดนักบุญกาทารีนา บ้านทุ่งมน
:: ณ บ้านทุ่งมน หนาวกาย... แต่อบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด... ::
            แม่ติ๊ก พ่อกื้อ นับได้ว่าเป็นพ่อแม่ที่น่ารักมากๆอีกคู่นึงเลยก็ว่าได้ ในช่วงเวลาค่ายได้มีโอกาสไปพักหลับนอน กินข้าวกินปลา เป็นเวลาถึงอาทิตย์กว่ากับครอบครัวนี้ ถึงแม้ที่บ้านจะมีสมาชิกอยู่กันแค่ 2 คน เนื่องจากลูกๆของแม่ไปทำงานในเมืองกันหมด แต่ก็ยังมีหลานๆ มาแวะเวียน มาเล่น มากินข้าวด้วย มีคุณป้าใจดีข้างบ้าน แวะเอากับข้าวบ้าง ผลไม้บ้าง มาให้ทุกมื้อ แถมยังมีพี่สาวที่แสนดีอีก 2 คน พี่นก พี่แอ๊ด ที่มาเป็นลูกของบ้านนี้ในช่วงเวลาค่ายเหมือนกัน
            บ้านเราจะแปลกกว่าบ้านอื่นก็ตรงที่แม่ให้ทำกับข้าวกินเอง เพราะแม่ชอบบอกว่าแม่ทำกับข้าวไม่อร่อย พอถึงเวลาเอาเข้าจริง ลูกๆที่มาอยู่ ก็ทำครัวนึง กับข้าวพื้นบ้านภาคกลาง ไม่ว่าจะเป็น ไข่เจียวบ้าง ผัดผักบ้าง ผัดมาม่าบ้าง 555+ ส่วนแม่ก็ทำกับข้าวในครัวของแม่ ซึ่งก็เป็นอาหารที่แม่กินตามปกติ ก็เป็นอาหารอีสานนั่นแหละ เมื่อถึงเวลาอาหาร กับข้าวของแม่ที่แม่ชอบบอกว่าไม่อร่อย กลับขายดีกว่าของเราซะอีกแน่ะ บอกแล้ว หนูกินง่ายอยู่ง่ายค่ะแม่ติ๊ก วันแรกๆ แม่หุงข้าวเจ้าให้ วันหลังๆ ในวงอาหาร เหลือแต่กระติ๊บข้าวเหนียวแล้วค่า... ที่แม่ให้เราทำกับข้าวกันเอง ก็คงเป็นเพราะแม่เป็นห่วง กลัวพวกเราจะกินอาหารพื้นบ้านไม่ได้น่ะซิ๊
            จะมีสักกี่คนที่จัดหาที่หลับที่นอน แถมให้รถมอเตอร์ไซค์กับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ใช้อย่างไม่หวงแม้แต่น้อย และจะมีใครที่ค้นเสื้อกันหนาวของลูกแท้ๆของตัวเอง มาให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันใช้... (ก็ใครจะไปคิดว่าสกลนครเดือนมีนามันจะหนาวได้ขนาดนี้) แต่แม่ติ๊กก็เต็มใจจัดหาจัดเตรียมให้เราอย่างดี อย่างเต็มใจ.. ขอบคุณมากๆค่ะ


สองครอบครัวที่แสนอบอุ่น

สำหรับ 2 คนนี้ ต้องขอบคุณจริงๆค่ะ

:: หัวใจของค่ายอาสา... ::
            ถ้าเป็นค่ายอาสาค่ายอื่นๆ หัวใจของค่ายคงไม่พ้นอยู่ที่การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานสวัสดิการ หรืองานกิจกรรมเด็ก แต่ด้วยค่ายนี้แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น “ค่ายอาสาพัฒนาจริยธรมชุมชน” หัวใจของค่ายนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องคุณธรรมไปได้ คุณธรรมอย่างไร หลักๆ ก็เป็นการอบรมคู่แต่งงาน ที่บราเดอร์ชั้นเทววิทยาได้อบรม เตรียมตัวเตรียมจิตใจให้กับคู่แต่งงานตลอดเวลาในค่ายเพื่อให้เค้าทั้งคู่เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเจ้าอย่างสมบูรณ์ในวันที่จะจัดงานแต่งงานหมู่ ซึ่งในหน้าที่นี้เราทำได้แค่ให้กำลังใจ ในอีกส่วนคือการสอนคำสอน และจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ซึ่งเด็กๆในหมู่บ้านทุ่งมนนี้ มีเยอะมากกก และน่ารักมากๆด้วยเช่นเดียวกัน ร่วมกิจกรรมอย่างดีทุกอย่าง วันแรกๆอาจจะยังแปลกๆหน้ากันอยู่ กลัวๆเกร็งๆบ้าง แต่วันหลังๆนี่ซิ เล่นวิ่งไล่จับ(กินตับ) กันได้ทุกวัน เกาะติดแจเหมือนลูกลิงแม่ลิงกันเลยทีเดียว ถือเป็นอีกสีสันหนึ่งของค่าย อีกเรื่องคงไม่พ้นในเรื่องของสัมพันธ์ชุมชน ที่ในเกือบทุกวันของวันค่าย จะมีบางกลุ่มที่ได้ออกไปเยี่ยมชาวบ้าน ไปพูดคุย และสอบถามเรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ว่าได้รับครบหรือไม่ อย่างไร ถือเป็นงานอภิบาลสำหรับบรรรดาบราเดอร์กันไป ส่วนงานโครงสร้าง ก็มีโอกาสได้ทำบ้าง (ที่ทำไปก็โดนทุบไปบ้าง) แบกอิฐ แบกปูน ขนทราย ทุบดิน กินพลังพอสมควร แต่ด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน ชาวค่าย ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของบ้านทุ่งมนเกือบเสร็จสมบูรณ์ทีเดียว และที่ขาดไม่ได้เรื่องของงานโภชนาการ ชาวค่ายอย่างเราก็เป็นแค่ลูกมือล้างผัก จัดโต๊ะ ล้างจานตามประสาที่เราจะทำได้ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของชาวค่าย 555+ เป็นค่ายอาสาที่ทุกคน “อาสา” มาทำด้วยใจจริงๆ


พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นด้วยใจจริงๆ


พิธีศีลสมรสหมู่

:: จากชาวค่าย... สู่ชาวบ้าน ::
          จากคำโบราณที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม แต่ค่ายนี้ หลิ่วตามกันจนแยกไม่ออกเลยทีเดียว เนื่องจากในวันค่ายบางวัน ชาวบ้านมีกิจกรรมของเค้าเอง ชาวค่ายจึงไปร่วมงานกับชาวบ้าน เช่น มีงานกีฬาตำบล ทางผู้ใหญ่บ้านอยากให้เราช่วยคิดขบวนพาเหรดให้ทั้ง 2 หมู่บ้าน ก็จัดกันไป นำทีมโดยพี่เบียร์ คนอื่นๆก็แต่งตัวๆ เดินๆกันไปสนุกสนาน เชียร์กีฬา ก็เฮฮา กันไป แถมมีเด็กทุ่งมนจากสุราษฎร์แข่งวอลเล่ย์บอลตำบลเชียงเครือด้วยนะเออ (เอ๊ะยังไง) ถือเป็นปิคนิคนอกสถานที่ย่อยๆ ของบรรดาชาวค่ายเลยก็ว่าได้ ส่วนวันอาทิตย์ถือเป็นวันพระเจ้า ชาวบ้านไม่ทำงาน แต่ไปจับปลากันแทน !! บ่อปลาของหมู่บ้านที่ปกติเค้าจะลงจับปลากันแค่ปีละครั้ง และปีนี้เค้าเลือกที่จะจับกันในอาทิตย์ที่พวกเรายังอยู่ที่หมู่บ้าน พวกเราก็ไปร่วมกับเค้าด้วย ซึ่งชาวบ้านเยอะมากกก บ่อปลาที่ว่ากว้าง กลายเป็นดูแคบไปถนัดตา เรียกได้ว่าแทบทุกบ้านมารวมกันอยู่ที่บ่อปลานี้แล้ว บ้างก็แห บ้างก็ยอ ซึ่งบราเดอร์ก็มียอเป็นของตัวเองเหมือนกันนะ แต่จับได้หรือไม่ ได้มากน้อยแค่ไหนนั้นขอล่ะไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ได้ยินเสียวชาวบ้านแว่วๆมาว่า “บราเดอร์เป็นบราเดอร์น่ะดีแล้ว ฮ่าๆ” ณ บ่อปลา ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนนี่แยกไม่ออกกันเลยทีเดียว ว่าคนไหนชาวบ้าน คนไหนชาวค่าย หรือคนไหนคือคุณพ่อ กลมกลืนกันจริงๆ มื้อกลางวันก็ง่ายๆ ส้มตำ ปลาเผา ข้าวเหนียว และ เนื้อสวรรค์ ~ เนื้ออะไรคงรู้กันดี สำหรับจังหวัดนี้ สกลนคร
            เอกลักษณ์ของจังหวัดสกลนครอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีชาวบ้านเป็นคาทอลิกเยอะมาก หมู่บ้านทุ่งมนที่ไปอยู่ เป็นคาทอลิกสัก 95% เห็นจะได้ ชาวบ้านก็มีการไปรวมกลุ่มแบ่งปันพระวาจา หรือที่เรียกว่า BEC เดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งบรรดาบราเดอร์ก็ได้แยกย้ายกันไปร่วมกับชาวบ้าน บ้านละ 2-3 คน เราก็ได้มีโอกาสไปร่วมด้วย  เป็นความรู้สึกที่อยากให้มีอยู่ในสังคมเมืองบ้างจัง อบอุ่น และเป็นกันเอง รู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่ประหลาดใจกว่านั้นคือ เมื่อสวดจบ ก็มีลูกของบ้านที่เราไปสวดกลับมาพอดี เป็นทหารแต่ขอลามาเพราะรู้ว่ามีบราเดอร์มาออกค่ายที่บ้าน คุยไปคุยมา อ้าววว ลูกศิษย์แม่หนูเอง โลกกลมเสียนี่กระไร แม่หนูสอนอยู่บอสโกพิทักษ์ นครปฐม พี่เค้าไปเป็นเณรเรียนมอปลายที่บอสโก แต่บ้านอยู่สกลนคร ไอ้ลูกสาวคุณแม่ยังบังเอิ๊ญบังเอิญ ได้มาสวดบ้านพี่เค้าอีกแน่ะ สุดๆจริงๆ


คนนี้เลย ลูกศิษย์แม่หนู ^^
เมื่อชาวประมงจับมนุษย์มาจับปลา
     
:: ศีลสมรสหมู่ ::
            วันก่อนวันสุดท้าย มีพิธีเปิดเสกอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ที่ชาวบ้านและชาวค่ายร่วมกันสร้างขึ้นมา ซึ่งชาวบ้านยังไม่ยอมหยุดมือจนเช้าวันนั้น เก็บนั่งร้านก่อสร้างก่อนพระคุณเจ้ามาไม่กี่นาทีเอง หลังจากนั้นมีพิธีมิสซาโดยพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เป็นพิธีศีลสมรสหมู่ 18 คู่ ที่อบอวนไปด้วยความสุข ความอบอุ่น (แม้อากาศจะหนาวมากๆ พูดแล้วควันออกปาก ไม่ใช่ออกหู) สวยงามทั้งดอกไม้ ไพเราะทั้งบทเพลง และมีความสุขจากรอยยิ้มของผู้มาร่วมงานทุกคน เป็นงานแต่งงานแรกที่รู้สึกมีความสุขใจ อิ่มเอมไปกับเจ้าภาพด้วยจริงๆ


ขอพระองค์เจ้าให้เขาทั้งสอง ได้อยู่ร่วมครองตามโอวาทพระคริสต์เจ้า

:: บายศรีสู่ขวัญ... ลาแล้วแต่ไม่ลาจาก ::
            เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ และสำหรับเวลาในค่ายนี้ มันผ่านไปเร็วมากๆจริงๆ คืนสุดท้าย ราตรีสัมพันธ์ บายศรีสู่ขวัญ ชาวบ้านพากันเตรียมอาหารมา คุ้มละอย่างสองอย่าง (คุ้ม แทนกลุ่มของชาวบ้าน คล้ายๆหมู่บ้าน แต่เล็กกว่านั่นแหละ) หลังจากรับประทานอาหารกันเป็นครอบครัว มีการแสดงของเด็กๆเรียบร้อยแล้ว ก็ต่อด้วยการบายศรีสู่ขวัญ บรรดาพ่อๆ แม่ๆ มากันเอาพวงมาลัยมาคล้องคอให้ มาผูกข้อมือให้ พลันอวยพรให้อย่างล้นหลาม ค่ายนี้เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ไม่ร้องไห้ในวันบายศรี เพราะคืนบายศรีนี้มันเป็นบรรยากาศแห่งความสุข ไม่ใช่ความเศร้าโศกเลยสักนิด จะมีก็แอบใจหายเล็กๆ ที่ต้องจากบ้านที่อบอุ่น จากชาวค่ายที่น่ารัก แต่ทุกคนจะอยู่ในความทรงจำของทรายตลอดไป.. เป็น 10 วันที่มีค่ามาก มีความสุขมากๆจริงๆ : )


เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณ พูดผิดพูดถูก > <
พานบายศรี สวยงาม ศักดิสิทธิ์


            ปล.ขอบคุณชาวค่ายทุกคนที่ดูแลทรายอย่างดี ให้ความเป็นกันเองสุดๆ ไม่ได้คิดว่าทรายเป็นคนนอกเลย จนหลายๆครั้งในค่าย ทำให้ทรายเผลอคิดว่าตัวเองเป็นศิษย์แสงธรรมไปซะแล้ว ฮ่าๆ
ปลล.ก่อนไปค่าย มีคนเคยบอกทรายว่า “ไปค่ายเถอะ แล้วเธอจะรักแสงธรรม” ตอนนี้ทรายรับรู้ความรู้สึกนั้นอย่างแท้จริงแล้วค่ะ...


รูปภาพบางรูป... แทนคำพูดได้นับร้อยคำ...

แวะกินข้าวกลางวันระหว่างเดินทางที่วัดนี้


นี่แหละ หน้าที่ของฝ่ายโภชการการ ฮ่าาา

แยกออกมั้ย คนไหนเด็ก คนไหนบราเดอร์ เนียนซ๊าาา

วัดนักบุญกาทารีนายามเย็น สวยงามมาก

สวด BEC แบ่งปันพระวาจาตามบ้าน

เสียงดนตรีเพราะๆ ช่วยให้มิสซายามเช้าทำให้เราตื่นได้

กำแพงนี้แหละที่หนูก่อเอง (อันที่โดนทุบไปแล้วน่ะนะ T T)

ถ้าไม่บอก รู้มั้ยล่ะว่าเป็นบราเดอร์

เป็นช่างก่อเต็มตัวไปแล้วคนนี้

อาหารกลางวันเพิ่มพลัง ก่อนลุยงานต่อรอบบ่าย

พี่สาวที่แสนดีคนที่ 1 "พี่นก"

ถ่ายก่อนบร.เต้ยจะต้องกลับจากค่าย เพื่อไปทำภารกิจอื่นๆต่อไป


ระหว่างนั่งรถไปสองคอน มีน้องมาซบด้วยล่ะ คิคิ

ริมแม่น้ำ หลังสักการสถาน หัวกระเิซิงได้อีก

มิสซาในสักการสถาน

เพิ่งมีโอกาสได้มา... ครั้งแรกในชีวิต

เยี่ยมชมหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง 7 แห่งสองคอน

ไปสวดภาวนาต่อที่ป่าศักดิ์สิทธิ์

น้องคนนี้ชื่ออะไรไม่รู้ รู้แต่ว่า เป็นน้องที่ติดมากๆๆ อีกคนนึง

คุณพ่อใจดี ให้ขนมกับน้องๆมาด้วย

มื้อกลางวันริมแม่น้ำโขง ณ แ่ก่งกะเบา

อาหารกลางวัน สด ใหม่ จากครก !!

อาหารกลางวันของบรรดาบราเดอร์ พี่เลี้ยงทั้งหลาย

เส้นทางการแสวงบุญ ผ่านพระธาตุพนมด้วย

ตะ ตะ แต่... รถเสีย !!

ขนถ่าย ย้ายมาคันนี้กันหมด ปลากระป๋องกันทีเดียวเชียว ต้องผลัดกันยืน ผลัดกันนั่ง ไม่เว้นแม้แต่คุณพ่อ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแม่้ำน้ำโขง กะบร.วีวี๊

บร.เปาแจกขนมน้องๆ

บร.วีก็ทำคะแนน แจกขนมน้องๆมากมายเช่นกัน

เดินรูป 14 ภาค เป็นการเดินรูปครั้งแรกในชีวิตที่หนาวมากกกก !!!

ซ้อมเพลงให้เด็กๆ เพื่อที่จะร้องในมิสซาแต่งงาน

บร.ณัฐทุ่มเทมากๆ เพื่อขบวนพาเหรดของหมู่บ้าน

ขบวนของหมู่ 8 บ้านเฮาาา

หนูอยู่หมู่ 8 แต่ไปเดินพาเหรดให้หมู่ 15 ค่าา แต่ไม่เป็นไรเพราะเราเป็นพี่น้องกัน :)

แข่งขันเต้นแอโรบิก ของโรงเรียนบ้านทุ่งมน โรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับวัด เด็กๆที่แข่งก็เด็กคำสอนทั้งนั้น

สเต็ปคุณพี่คนนี้สุดยอดด เต้นตั้งแต่เช้าถึงเย็น แรงไม่ตก

มาเชียร์กีฬา หรือมาปิคนิคกันคะเนี้ย? อิอิ

เชียร์วอลเล่ย์บอล เย้ ได้ที่ 1 มาครองจนได้จ้าา

พี่หมอเบียร์ นวดได้เจ๋งจริงๆ น้องทรายคอนเฟิร์มค่ะ หายปวดได้ในคืนเดียว :p

ดูน้อง 2 คนข้างหลัง เหมือนอยากช่วยบร.สุพจน์ถ่ายรูปนะ อิอิ

เชียร์กีฬาเหนื่อยจนหมดแรงหลับไปแล้ว 1 ราย

มิสซาเช้า เช้ามากจริงๆ

ยกยอ.. (เปล่า) 555

เป็นแถว เป็นแนว อุปกรณ์เยอะแยะมากมาย 

เด็กๆติด(ขนม)พี่เบียร์เพียบบ

2 รายนี้ก็ทุ่มเทในการจับปลามากๆจริงๆ

แต่สู้คนนี้ไม่ได้ "ตกบก" 555

คุณพ่อก็อยากมีส่วนร่วม อิอิ


ปลาตัวนี้... มันหลุดมือ

หนาวจริง อะไรจริง ขนาดหนูอยู่บนบกยังหนาวเล้ยย ไม่อยากจะคิดถึงในน้ำ บรึ๋ยย

มื้อดึก คืนเกือบสุดท้าย สมาชิกร่วมวงเกือบครึ่งค่าย 555


มิสซาศีลล้างบาป

ล้างบาปผู้ใหญ่ เพื่อเตรียมตัวสำหรับศีลสมรสต่อไป


ดอกไม้สำหรับ... จัดวัด ! 

ค่ายนี้ทำให้รู้สึกคุ้นตากับชุดนี้มากยิ่งขึ้น

กว่าแม่จะยอมมาถ่ายรูปด้วย


บรรยากาศเมืองนอกมากๆ

ถ่ายรูปกันซะหน่อย ก่อนเริ่มมิสซา

เมื่อบร.ติงลี่ กลายเป็นช่างภาพมืออาชีพ

ที่ถ่วงป้ายงานนี้เค้าเจ๋งจริงๆ 555

กับน้องแก้ม :)



ชอบของถวายวัดนี้ที่สุดเลย ไฮไลท์คงไม่มีใครเกิน ถวายไม้กวาด!

สังฆานุกรอ้อ

พ่อหน่อยกล่าวขอบคุณ

พิธีเสกด้ายบายศรี ที่จะไปใช้ในงานราตรีสัมพันธ์คืนอำลา

กิจกรรมจัดให้เด็กๆ เป็นชุดสุดท้าย

โยนไข่ หวาดเสียวจริงๆ

กินวิบาก กินกันท่ามกลางสายฝนเลยทีเดียว

พี่น้องคู่นี้ มันน่าจริงๆ 555

พี่สาวที่น่ารักคนที่ 2 "พี่แอ๊ด"


งานบายศรี เหมือนคืนคริสต์มาสเลย มีแจกตุ๊กตาให้เด็กๆด้วย แถมอากาศหนาวๆอีกต่างหาก  ใช่เลยย


ไข่ต้มบายศรี


รูปนี้ มีน้องมาขอถ่ายรูป แต่ใช้กล้องเรา เอ๊ะ แล้วน้องจะขอถ่ายทำไมว๊าาา??

เด็กๆ dance แก้หนาวกันสนุกสนาน

บร.ธร ประธานค่ายกล่าวความรู้สึก

ครอบครัว และป้าที่ดูแลอย่างดีตลอด 1 อาทิตย์กว่าๆที่ผ่านมา
เจ๋งสุดต้องผ้าขาวม้า ของฝากจากสกลนครผืนนี้ มีประโยชน์จริง ใช้งานได้จริง คอนเฟิร์มโดยพี่เบียร์ : )
ขอฝากกลอนจากปกหนังสือค่าย...
การให้... ก้าวแรกของการออกจากตัวเอง
การให้... เครื่องหมายของสันติสุขในสังคม
การให้... ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ามากขึ้น
การให้... ทำให้จิตใจดีและมีความสุข
ไม่มีใครจน จนไม่สามารถให้ใครได้
และก็ไม่มีใครรวย จนไม่อาจรับขอบใครได้

ฉันจะไม่มีวันลืมเธอ และจะมีเธออยู่ในใจเสมอ ตลอดไป...
วัดนักบุญกาทารีนา ทุ่งมน
21-30 มีนาคม 2554