ค่ายสัมมนาและสมัชชาใหญ่ประจำปีการศึกษา 2553 ค่ายสุดท้ายของการทำงานในตำแหน่งเลขานุการของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย... งานสุดท้ายที่จะได้เตรียมงานร่วมกันกับพี่ๆกรรมการชุดนี้ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม จึงพยายามเตรียมงานอย่างเต็มที่ที่สุด ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ทั้งๆที่เราก็เพิ่งจะขึ้นปี 3 เอง ยังไม่จบชีวิตนักศึกษาเลย แต่ทำไมค่ายนี้ทำให้ใจหายได้ขนาดนี้นะ
วันแรกของการเดินทางด้วยรถไฟฟรี กรุงเทพ-หัวหิน ขบวนที่ 261 เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี สนุกสนาน เริ่มเห็นแววความสนุกของค่ายตั้งแต่เพื่อนๆเพิ่งมาพบกันแล้วล่ะ อาจเป็นเพราะบางกลุ่มรู้จักกันมาก่อน เลยช่วยสร้างสีสันในค่ายได้มากมายเลยทีเดียว ซึ่งการรู้จักกันมาก่อนของเพื่อนๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด รู้จักกัน สนิทกัน แต่ก็ยังอยากรู้จัก อยากสนิทกับเพื่อนๆ คนอื่นอีก เพื่อนคนไหนที่มาคนเดียวก็ไม่ได้อยู่คนเดียว มีเพื่อนชวนไปเล่นเกม ชวนคุยตลอดการเดินทาง ลดความกังวลของกรรมการที่กังวลเรื่องความรู้สึกของเพื่อนที่มาค่ายคนเดียวได้ไปเปลาะนึงแล้ว และการเดินทางเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมงก็นำพวกเรามาถึงยังศูนย์เยาวชนดอนบอสโก หัวหิน อย่างปลอดภัย
บรรยากาศการเดินทาง |
เริ่มทำความรู้จักเพื่อนๆ ใหม่ๆ :) |
มารับรู้ ความคาดหวังและความกังวล ของเพื่อนๆกันก่อนเริ่มกิจกรรมต่างๆ |
ทำความสะอาดตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย |
นับเป็นความโชคดีของบรรดานักศึกษาที่มาร่วมค่ายเป็นอย่างสูง เมื่อ ดร.สมิทธ ธรรมสโรชได้ให้ความเมตตามาเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และในช่วงบ่าย ชาวค่ายก็ได้แยกย้ายเพื่อสัมภาษณ์ความคิดเห็น มุมมองต่างๆ ของชาวหัวหิน เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ เพื่อให้ได้รู้ทั้งมุมมองของวิทยาศาสตร์ มุมมองของชาวบ้าน และปิดท้ายกิจกรรมด้วยการไตร่ตรองในมุมมองของศาสนา ตกผลึกความคิด กิจกรรมทั้งหมดที่ทำมา โดยทีมจิตตาธิการ คุณพ่อมหาร์ โซโน โปรโบ, เอส.เจ. พี่นริศ มณีขาว และพี่ทรายใหญ่
ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับวิทยากรพิเศษ |
สัมภาษณ์วิทยากร โดยพี่นริศ |
เพื่อนๆ ฟังวิทยากรบรรยายอย่างตั้งใจ |
สัมภาษณ์ความคิดเห็นของชาวหัวหิน |
ตลอดทุกวันของค่าย จะมีกิจกรรมสันทนาการแทรกหลังอาหารทุกมื้อก่อนเริ่มกิจกรรม ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ที่ให้ความร่วมมือ ทั้งช่วยกันนำ และร่วมอย่างสนุกสนาน แป๊กบ้าง ฮาบ้าง ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆให้ค่ายได้มากเลย เช่นเดียวกัน ในตอนเย็นของทุกวันจะมีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ริมชายหาด และปล่อยให้เล่นน้ำทะเลตามอัธยาศัย แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อแว่นของเพื่อนคนนึง บังเอิญหล่นหายไปในทะเล และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นพลังแห่งมิตรภาพ พลังแห่งความมีน้ำใจจริงๆ เพื่อนๆที่เล่นน้ำทะเลอยู่ทุกคน หยุดเล่น หยุดสนุก แล้วมายืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดาน กอดคอกัน แล้วช่วยกันหาแว่นให้ด้วยความหวังที่จะได้แว่นคืนมาให้เพื่อน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แว่นคืน แต่เชื่อว่า สิ่งที่ได้กลับมาและมีค่ามากมายกว่าแว่นนั้นคือมิตรภาพ ซึ้งในน้ำใจของเพื่อนๆทุกคนจริงๆค่ะ
สันทนาการฮาเฮ |
อ้าว! ซ้ายเราก็ซ้ายยย |
เดี๋ยวเดียว... เพลงฮิตประจำค่าย |
ร่วมกิจกรรมริมชายหาดด้วยกัน |
เปียกกันถ้วนหน้า |
วิ่งๆ ระวังอย่าให้มือขาดนะ |
ในทะเล ก็ฮาเฮ ไม่ต่างกัน :) |
รวมพลัง "หาแว่น" |
บรรดาสาวน้อย ขอเดินเล่นริมชายหาดก็พอแล้ว |
หลังจากเล่นน้ำทะเล จะมีมิสซาต่อในทุกเย็น เพื่อนๆก็รู้เวลา และรู้หน้าที่ที่ควรกระทำ มิสซาของเราไม่บังคับ เข้าก็ได้ ไม่เข้าก็ได้... แต่เพื่อนๆ คาทอลิกหลายคน
ยอม... ที่จะเลิกเล่นน้ำทะเลก่อน
ยอม... ที่จะหยุดสนุกก่อน
เพื่อที่จะได้อาบน้ำ และมาร่วมมิสซาให้ทัน
ขอบคุณเสียงกีตาร์เพราะๆ จากเพื่อนๆเชียงใหม่
ขอบคุณเสียงเพลงอันไพเราะที่ขับร้องออกมาจากหัวใจของเพื่อนๆทุกคน
ขอบคุณมิสซารูปแบบใหม่ๆ ทั้งที่ให้เขียนอวยพร เขียนความประทับใจติดที่หลังของเพื่อน การมอบสันติสุขให้แก่กันในแบบนักศึกษา จากคุณพ่อมหาร์
และท้ายที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้พวกเราได้มาอยู่รวมกัน ณ ที่นี้
มิสซาแบบเรียบง่าย โดยคุณพ่อมหาร์ |
บทเพลงอันแสนไพเราะจากเพื่อนๆ เชียงใหม่ |
ช่วงเวลา 3 วันของการสัมมนาก็ผ่านไป อีก 2 วันที่เหลือ คือวันสมัชชา เพื่อสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่มาสานงานต่อของพระ... หลายคนอาจสงสัย ทรายเพิ่งขึ้นปี 3 เอง ทำไมไม่ทำต่อล่ะ บลาๆๆ เคยตั้งคำถามและเคยคิดหาคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน ที่ทำมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับอะไรมาเยอะแยะ แล้วเราจะหยุด จะทิ้งมันไปง่ายๆอย่างงี้เลยหรอ... การไม่เป็นคณะกรรมการต่อ ไม่ได้แปลว่าเราทิ้ง ไม่ได้แปลว่าเราไม่รัก แต่เราแค่ขอเวลาเพื่อไปทำใน “สิ่งอื่น” ให้เข้าที่เข้าทางก่อน และไม่ได้ทิ้งงานทางนี้ไปซะทีเดียว แต่คอยช่วยเป็น back up ให้กับกรรมการชุดใหม่ได้นี่นา แล้วเมื่ออะไรๆ มันดีขึ้น ก็คงจะกลับมาช่วยเต็มตัวได้อีกในไม่ช้า เพราะถ้าเราเลือกที่จะทำต่อ โดยที่ทุกอย่างไม่พร้อม จะทำให้อะไรๆ มันแย่ไปกว่าเดิมได้ จึงตัดสินใจไปอย่างนี้...
ทำงานให้คุ้มกับงานสุดท้ายหน่อย |
^ ^ |
แต่เมื่อวันที่จะต้องเลือกกรรมการชุดใหม่มาถึง... เมื่อรู้ข่าวมาว่า ไม่มีใครที่จะสมัคร ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่พร้อมบ้าง มีปัญหาต่างๆบ้าง กังวลนู้นนั่นนี่ ทำให้ย้อนกลับมามองที่ตัวเอง.. แล้วปัญหาที่เราเจออยู่ กับปัญหาของเพื่อนๆ ว่าที่กรรมการชุดใหม่ มันต่างกันแค่ไหน เราเห็นแก่ตัวมากไปหรือเปล่า ที่ปฏิเสธงานของพระองค์ ณ ที่แห่งนี้
เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการภาวนา การคุยกับพระ การให้เวลากับตัวเอง พยายามค้นหาคำตอบให้ตัวเอง... เพลงๆนึงก็ดังขึ้น “มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นนั้นยังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีอยู่ในใจ เรื่องเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกลตัวเรา” น้ำตาเริ่มไหล... ความลังเลเริ่มมีมากขึ้น แต่เสียงที่ยังคงดังอยู่ในใจก็คือ... ชมรมล่ะ การเรียนล่ะ ครอบครัวล่ะ ถ้าเราไม่มีเวลาให้สิ่งเหล่านี้ ทุกอย่างมันจะเป็นยังไง แต่ถ้าเราไม่ทำแล้วไม่มีใครทำ ไม่มีใครสานต่องานของพระล่ะ งานของพระจะเดินต่อไปได้มั้ย... ระหว่างที่กำลังต่อสู้กับความคิด ความรู้สึกของตัวเองอยู่นั้น เพื่อนๆข้างๆ ก็ได้ลุกขึ้นไปหยิบใบสมัคร ณ ตอนนั้น ความกังวลหายไปหมดสิ้น ขอบพระคุณพระเจ้าอีกครั้งที่ไม่ทอดทิ้งพวกเรา
โฉมหน้าคณะกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ปีการศึกษา 2553 |
ความตั้งใจตอนนี้คือ แม้จะไม่ได้เป็นกรรมการของศูนย์กลางฯต่อในปีหน้า แต่จะพยายามทำงานชมรมให้ดีที่สุด จะชวนคนในชมรมไปค่ายของเซเวียร์เยอะๆๆ จัดการเรื่องการเรียนและเรื่องครอบครัวให้เข้าอยู่สภาวะปกติ แล้วก็จะวนเวียนอยู่แถวๆนี้ คอยเป็นกำลังเสริม เป็นแรงกาย แรงใจ ให้กับกรรมการชุดใหม่ หน้าใหม่ แต่ไฟแรงทุกคน ^^
ถ้าให้เปรียบเทียบทุกค่ายที่เป็นผู้จัดมา ค่ายนี้เป็นค่ายที่มีความสุขมากที่สุดเลยล่ะ
มีความสุขที่เห็นเพื่อนๆมีความสุข
มีความสุขที่เห็นเพื่อนๆ สนิทกัน
และมีความสุขที่สุดที่ได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้าผ่านทางเพื่อนๆทุกคน
การเดินทางขากลับถึงแม้เพื่อนๆจากขอนแก่นและเชียงใหม่ จะต้องแยกกลับรถตู้คุณพ่อ เพื่อจะได้กลับไปให้ทันเที่ยวรถทัวร์ขากลับที่จองไว้ แต่มิตรภาพของพวกเราไม่ได้จบแค่การที่พวกเราจะแยกจากกันแน่นอน ส่วนเพื่อนๆที่เหลือ ก็นั่งรถไฟกันตามเดิม แต่สังเกตได้ว่า การนั่งขากลับนี้ จากเบาะที่นั่งแค่ 2-3 คน กลายเป็นนั่ง 4 คนแน่ะ คุยกันบ้าง เล่นเกมกันบ้าง จากคนที่ไม่รู้จักกันก็กลายเป็นเพื่อนสนิทไปซะแล้ว ขากลับได้ของฝากมาเป็นเส้นโง่ด้วย 22 เส้นเบาๆ >.< ค่ายหน้าเราจะเอาคืนนนน ฮึ่มมม เมื่อรถไฟจอดนิ่งสนิทที่หัวลำโพง ก็อดที่จะขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งไม่ได้
ขอบคุณที่ทำให้ค่ายนี้ผ่านไปได้อย่างดี(มาก)
ขอบคุณสำหรับการเดินทางที่ถึงแม้จะไม่สะดวกสบายมาก แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในความไม่สบายนั้นคือมิตรภาพดีๆ
ขอบคุณที่ดลใจเหล่ากรรมการให้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นที่ประทับใจของเพื่อนๆ
และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่มาสร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน
แล้วค่ายหน้าเจอกันนะ :)
“ไม่สำคัญว่า โลกจะแตกจริงมั้ย สำคัญที่ว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตพร้อมที่จะให้พระรับไปแล้วหรือยังต่างหาก”
ขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่อย่างดีและอวยพรให้กับกรรมการชุดเดิม |
อวยพรและกำลังใจกรรมการชุดใหม่ ผ่านทางคำภาวนา |
ลาแล้ว... กับตำแหน่งคณะกรรมการศูนย์กลาง นศ.คาทอลิกแห่งประเทศไทย |
ติดตามประมวลภาพกิจกรรมได้ที่ http://youtu.be/9djUFWd7S3Q
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น