วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เมื่อ "ปัญหาโลกแตก" ทำให้เราได้มาพบกัน... ^^

ค่ายสัมมนาและสมัชชาใหญ่ประจำปีการศึกษา 2553 ค่ายสุดท้ายของการทำงานในตำแหน่งเลขานุการของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย... งานสุดท้ายที่จะได้เตรียมงานร่วมกันกับพี่ๆกรรมการชุดนี้ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม จึงพยายามเตรียมงานอย่างเต็มที่ที่สุด ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ทั้งๆที่เราก็เพิ่งจะขึ้นปี 3 เอง ยังไม่จบชีวิตนักศึกษาเลย แต่ทำไมค่ายนี้ทำให้ใจหายได้ขนาดนี้นะ

            วันแรกของการเดินทางด้วยรถไฟฟรี กรุงเทพ-หัวหิน ขบวนที่ 261 เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี สนุกสนาน เริ่มเห็นแววความสนุกของค่ายตั้งแต่เพื่อนๆเพิ่งมาพบกันแล้วล่ะ อาจเป็นเพราะบางกลุ่มรู้จักกันมาก่อน เลยช่วยสร้างสีสันในค่ายได้มากมายเลยทีเดียว ซึ่งการรู้จักกันมาก่อนของเพื่อนๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด รู้จักกัน สนิทกัน แต่ก็ยังอยากรู้จัก อยากสนิทกับเพื่อนๆ คนอื่นอีก เพื่อนคนไหนที่มาคนเดียวก็ไม่ได้อยู่คนเดียว มีเพื่อนชวนไปเล่นเกม ชวนคุยตลอดการเดินทาง ลดความกังวลของกรรมการที่กังวลเรื่องความรู้สึกของเพื่อนที่มาค่ายคนเดียวได้ไปเปลาะนึงแล้ว และการเดินทางเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมงก็นำพวกเรามาถึงยังศูนย์เยาวชนดอนบอสโก หัวหิน อย่างปลอดภัย

บรรยากาศการเดินทาง
เริ่มทำความรู้จักเพื่อนๆ ใหม่ๆ :)
มารับรู้ ความคาดหวังและความกังวล ของเพื่อนๆกันก่อนเริ่มกิจกรรมต่างๆ
ทำความสะอาดตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
          นับเป็นความโชคดีของบรรดานักศึกษาที่มาร่วมค่ายเป็นอย่างสูง เมื่อ ดร.สมิทธ ธรรมสโรชได้ให้ความเมตตามาเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และในช่วงบ่าย ชาวค่ายก็ได้แยกย้ายเพื่อสัมภาษณ์ความคิดเห็น มุมมองต่างๆ ของชาวหัวหิน เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ เพื่อให้ได้รู้ทั้งมุมมองของวิทยาศาสตร์ มุมมองของชาวบ้าน และปิดท้ายกิจกรรมด้วยการไตร่ตรองในมุมมองของศาสนา ตกผลึกความคิด กิจกรรมทั้งหมดที่ทำมา โดยทีมจิตตาธิการ คุณพ่อมหาร์ โซโน โปรโบ, เอส.เจ. พี่นริศ มณีขาว และพี่ทรายใหญ่
ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับวิทยากรพิเศษ
สัมภาษณ์วิทยากร โดยพี่นริศ
เพื่อนๆ ฟังวิทยากรบรรยายอย่างตั้งใจ
สัมภาษณ์ความคิดเห็นของชาวหัวหิน
            ตลอดทุกวันของค่าย จะมีกิจกรรมสันทนาการแทรกหลังอาหารทุกมื้อก่อนเริ่มกิจกรรม ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ที่ให้ความร่วมมือ ทั้งช่วยกันนำ และร่วมอย่างสนุกสนาน แป๊กบ้าง ฮาบ้าง ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆให้ค่ายได้มากเลย เช่นเดียวกัน ในตอนเย็นของทุกวันจะมีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ริมชายหาด และปล่อยให้เล่นน้ำทะเลตามอัธยาศัย แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อแว่นของเพื่อนคนนึง บังเอิญหล่นหายไปในทะเล และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นพลังแห่งมิตรภาพ พลังแห่งความมีน้ำใจจริงๆ เพื่อนๆที่เล่นน้ำทะเลอยู่ทุกคน หยุดเล่น หยุดสนุก แล้วมายืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดาน กอดคอกัน แล้วช่วยกันหาแว่นให้ด้วยความหวังที่จะได้แว่นคืนมาให้เพื่อน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แว่นคืน แต่เชื่อว่า สิ่งที่ได้กลับมาและมีค่ามากมายกว่าแว่นนั้นคือมิตรภาพ ซึ้งในน้ำใจของเพื่อนๆทุกคนจริงๆค่ะ 

สันทนาการฮาเฮ
อ้าว! ซ้ายเราก็ซ้ายยย
เดี๋ยวเดียว... เพลงฮิตประจำค่าย
ร่วมกิจกรรมริมชายหาดด้วยกัน
เปียกกันถ้วนหน้า
วิ่งๆ ระวังอย่าให้มือขาดนะ
ในทะเล ก็ฮาเฮ ไม่ต่างกัน :)
รวมพลัง "หาแว่น"
บรรดาสาวน้อย ขอเดินเล่นริมชายหาดก็พอแล้ว
            หลังจากเล่นน้ำทะเล จะมีมิสซาต่อในทุกเย็น เพื่อนๆก็รู้เวลา และรู้หน้าที่ที่ควรกระทำ มิสซาของเราไม่บังคับ เข้าก็ได้ ไม่เข้าก็ได้... แต่เพื่อนๆ คาทอลิกหลายคน 
ยอม... ที่จะเลิกเล่นน้ำทะเลก่อน 
ยอม... ที่จะหยุดสนุกก่อน 
เพื่อที่จะได้อาบน้ำ และมาร่วมมิสซาให้ทัน 
ขอบคุณเสียงกีตาร์เพราะๆ จากเพื่อนๆเชียงใหม่ 
ขอบคุณเสียงเพลงอันไพเราะที่ขับร้องออกมาจากหัวใจของเพื่อนๆทุกคน 
ขอบคุณมิสซารูปแบบใหม่ๆ ทั้งที่ให้เขียนอวยพร เขียนความประทับใจติดที่หลังของเพื่อน การมอบสันติสุขให้แก่กันในแบบนักศึกษา จากคุณพ่อมหาร์ 
และท้ายที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้พวกเราได้มาอยู่รวมกัน ณ ที่นี้

มิสซาแบบเรียบง่าย โดยคุณพ่อมหาร์
บทเพลงอันแสนไพเราะจากเพื่อนๆ เชียงใหม่
            ช่วงเวลา 3 วันของการสัมมนาก็ผ่านไป อีก 2 วันที่เหลือ คือวันสมัชชา เพื่อสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่มาสานงานต่อของพระ... หลายคนอาจสงสัย ทรายเพิ่งขึ้นปี 3 เอง ทำไมไม่ทำต่อล่ะ บลาๆๆ เคยตั้งคำถามและเคยคิดหาคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน ที่ทำมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับอะไรมาเยอะแยะ แล้วเราจะหยุด จะทิ้งมันไปง่ายๆอย่างงี้เลยหรอ... การไม่เป็นคณะกรรมการต่อ ไม่ได้แปลว่าเราทิ้ง ไม่ได้แปลว่าเราไม่รัก แต่เราแค่ขอเวลาเพื่อไปทำใน สิ่งอื่น ให้เข้าที่เข้าทางก่อน และไม่ได้ทิ้งงานทางนี้ไปซะทีเดียว แต่คอยช่วยเป็น back up ให้กับกรรมการชุดใหม่ได้นี่นา แล้วเมื่ออะไรๆ มันดีขึ้น ก็คงจะกลับมาช่วยเต็มตัวได้อีกในไม่ช้า เพราะถ้าเราเลือกที่จะทำต่อ โดยที่ทุกอย่างไม่พร้อม จะทำให้อะไรๆ มันแย่ไปกว่าเดิมได้ จึงตัดสินใจไปอย่างนี้...


ทำงานให้คุ้มกับงานสุดท้ายหน่อย
^ ^
            แต่เมื่อวันที่จะต้องเลือกกรรมการชุดใหม่มาถึง... เมื่อรู้ข่าวมาว่า ไม่มีใครที่จะสมัคร ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่พร้อมบ้าง มีปัญหาต่างๆบ้าง กังวลนู้นนั่นนี่ ทำให้ย้อนกลับมามองที่ตัวเอง.. แล้วปัญหาที่เราเจออยู่ กับปัญหาของเพื่อนๆ ว่าที่กรรมการชุดใหม่ มันต่างกันแค่ไหน เราเห็นแก่ตัวมากไปหรือเปล่า ที่ปฏิเสธงานของพระองค์ ณ ที่แห่งนี้ 

             เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการภาวนา การคุยกับพระ การให้เวลากับตัวเอง พยายามค้นหาคำตอบให้ตัวเอง... เพลงๆนึงก็ดังขึ้น มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นนั้นยังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีอยู่ในใจ เรื่องเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกลตัวเรา น้ำตาเริ่มไหล... ความลังเลเริ่มมีมากขึ้น แต่เสียงที่ยังคงดังอยู่ในใจก็คือ... ชมรมล่ะ การเรียนล่ะ ครอบครัวล่ะ ถ้าเราไม่มีเวลาให้สิ่งเหล่านี้ ทุกอย่างมันจะเป็นยังไง แต่ถ้าเราไม่ทำแล้วไม่มีใครทำ ไม่มีใครสานต่องานของพระล่ะ งานของพระจะเดินต่อไปได้มั้ย... ระหว่างที่กำลังต่อสู้กับความคิด ความรู้สึกของตัวเองอยู่นั้น เพื่อนๆข้างๆ ก็ได้ลุกขึ้นไปหยิบใบสมัคร ณ ตอนนั้น ความกังวลหายไปหมดสิ้น ขอบพระคุณพระเจ้าอีกครั้งที่ไม่ทอดทิ้งพวกเรา  

โฉมหน้าคณะกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ปีการศึกษา 2553
            ความตั้งใจตอนนี้คือ แม้จะไม่ได้เป็นกรรมการของศูนย์กลางฯต่อในปีหน้า แต่จะพยายามทำงานชมรมให้ดีที่สุด จะชวนคนในชมรมไปค่ายของเซเวียร์เยอะๆๆ จัดการเรื่องการเรียนและเรื่องครอบครัวให้เข้าอยู่สภาวะปกติ แล้วก็จะวนเวียนอยู่แถวๆนี้ คอยเป็นกำลังเสริม เป็นแรงกาย แรงใจ ให้กับกรรมการชุดใหม่ หน้าใหม่ แต่ไฟแรงทุกคน ^^

            ถ้าให้เปรียบเทียบทุกค่ายที่เป็นผู้จัดมา ค่ายนี้เป็นค่ายที่มีความสุขมากที่สุดเลยล่ะ 
มีความสุขที่เห็นเพื่อนๆมีความสุข 
มีความสุขที่เห็นเพื่อนๆ สนิทกัน 
และมีความสุขที่สุดที่ได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้าผ่านทางเพื่อนๆทุกคน 

            การเดินทางขากลับถึงแม้เพื่อนๆจากขอนแก่นและเชียงใหม่ จะต้องแยกกลับรถตู้คุณพ่อ เพื่อจะได้กลับไปให้ทันเที่ยวรถทัวร์ขากลับที่จองไว้ แต่มิตรภาพของพวกเราไม่ได้จบแค่การที่พวกเราจะแยกจากกันแน่นอน ส่วนเพื่อนๆที่เหลือ ก็นั่งรถไฟกันตามเดิม แต่สังเกตได้ว่า การนั่งขากลับนี้ จากเบาะที่นั่งแค่ 2-3 คน กลายเป็นนั่ง 4 คนแน่ะ คุยกันบ้าง เล่นเกมกันบ้าง จากคนที่ไม่รู้จักกันก็กลายเป็นเพื่อนสนิทไปซะแล้ว ขากลับได้ของฝากมาเป็นเส้นโง่ด้วย 22 เส้นเบาๆ >.< ค่ายหน้าเราจะเอาคืนนนน ฮึ่มมม เมื่อรถไฟจอดนิ่งสนิทที่หัวลำโพง ก็อดที่จะขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งไม่ได้ 

ขอบคุณที่ทำให้ค่ายนี้ผ่านไปได้อย่างดี(มาก) 
ขอบคุณสำหรับการเดินทางที่ถึงแม้จะไม่สะดวกสบายมาก แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในความไม่สบายนั้นคือมิตรภาพดีๆ 
ขอบคุณที่ดลใจเหล่ากรรมการให้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นที่ประทับใจของเพื่อนๆ 
และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่มาสร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน 
แล้วค่ายหน้าเจอกันนะ :)

“ไม่สำคัญว่า โลกจะแตกจริงมั้ย สำคัญที่ว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตพร้อมที่จะให้พระรับไปแล้วหรือยังต่างหาก

ขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่อย่างดีและอวยพรให้กับกรรมการชุดเดิม
อวยพรและกำลังใจกรรมการชุดใหม่ ผ่านทางคำภาวนา
ลาแล้ว... กับตำแหน่งคณะกรรมการศูนย์กลาง นศ.คาทอลิกแห่งประเทศไทย

 ติดตามประมวลภาพกิจกรรมได้ที่ http://youtu.be/9djUFWd7S3Q

ไม่มีความคิดเห็น: